หลังจากที่มีกล้องติดรถยนต์หลายแบรนด์ นำเอาฟีเจอร์อย่าง TPMS มาใช้ ในที่สุด PAPAGO ก็ออกแอพพลิเคชั่นพร้อมอุปกรณ์มาใช้เช่นกัน จะเป็นอะไรนั้นต้องรอติดตามกันต่อไปครับ
เบื้องต้นดูเหมือนจะเป็นแอพพลิเคชั่นแยกต่างหากที่ใช้สำหรับตรวจดูลมยางรถยนต์และถูกพัฒนาขึ้นบนระบบ Smart Phone การใช้งานเบื้องต้นน่าจะคล้ายกับแบรนด์อื่นๆคือ ติดอุปกรณ์ตรวจเช็คไว้ที่ดอกยางรถยนต์ และตัวอุปกรณ์จะสามารถสั่งงานผ่าน Wireless และแสดงผลบนหน้าจอ Smartphone ของเราได้ครับ
แล้ว TPMS คืออะไร ประโยชน์ของ TPMS คือ?
ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซท์ Motorech.com มานำเสนอนะครับ
สำหรับ TPMS ซึ่งย่อมาจาก Tire Pressure Monitoring System นั่นก็คือระบบเฝ้าตรวจสอบความดันลมยาง นั่นเอง
-หน้าที่หลักเลยคือ TPMS จะวัดแรงดันลมยางในแต่ละล้อแบบเรียลไทม์ แล้วส่งผลแบบไร้สายมาแสดงบนหน้าจอ(แบบต่างๆ)ให้ผู้ขับขี่ทราบ
-นอกจาก แรงดันลมยาง แล้ว TPMS ยังวัดอุณหภูมิภายในล้อได้ด้วย ข้อมูลจะถูกส่งมาแสดงให้ผู้ขับขี่เช่นเดียวกัน
-และ TPMS จะมีฟังก์ชันที่จะส่งเสียงหรือแสดงผลเตือน เมื่อแรงดันลม หรืออุณหภูมิ สูงกว่าค่ามาตรฐานที่ตั้งไว้
-TPMS ยังมีฟังก์ชันเตือนการรั่วของลมยางอีกด้วย
จากฟังก์ชันการทำงานที่แสดงด้านบน(อาจแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละรุ่น) คงพอจะมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจาก TPMS กันคร่าวๆ บ้างแล้วนะครับ จะสรุปอีกทีดังนี้
-ช่วยป้องกันอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากยางระเบิด เนื่องจากการใช้ลมยางอ่อนเกินไปด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดความร้อนสะสม และเป็นสาเหตุทำให้ความดันสูงขึ้น จนทำให้ยางระเบิดได้ในที่สุด TPMS ช่วยให้เราทราบความดันลมยางตลอดเวลา และจะเตือนทันทีเมื่อลมยางอ่อนกว่าค่าที่ตั้งไว้ ดังนั้นโอกาสที่ขับรถด้วยลมยางอ่อนกว่าปกติจึงแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย นอกจากนี้ในกรณีที่ยางโดนตะปูหรือวัตถุแหลมคมจนรั่ว TPMS ก็จะเตือนการรั่วอย่างทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_ssxdLJsAn2d36EzO8CSXc6rzd1UdbPnlyQrHxnb9MAA0kQnCGLji9ghFJrrp57glMryHL6q_kTx0zSha-e65SLFPCqntkKjwAjKSxzB7xBlBYuaZA=s0-d)
-ช่วยยืดอายุยาง การใช้ยางที่อ่อนกว่าปกติ จะทำให้ยางสึกและเสียหายเร็วกว่าปกติ เมื่อมี TPMS ตลอดเวลาที่เราอยู่ในรถ สามารถรู้ความดันลมยางได้ ดังนั้นโอกาสที่จะใช้ลมอ่อนโดยไม่รู้ตัวจึงแทบไม่เกิดขึ้นเลย
-ช่วยประหยัดน้ำมัน ใช้ลมยางที่เหมาะสมช่วยประหยัดน้ำมันได้ด้วย
-ช่วยป้องกันล้อเสียหาย บางครั้งล้อสวยๆ กับยางแก้มเตี้ย มีโอกาสโดนกระแทกได้ง่ายถ้ายางอ่อน TPMS จะไม่ปล่อยให้ลมอ่อนโดยคุณไม่รู้
-ช่วยยืดอายุยาง การใช้ยางที่อ่อนกว่าปกติ จะทำให้ยางสึกและเสียหายเร็วกว่าปกติ เมื่อมี TPMS ตลอดเวลาที่เราอยู่ในรถ สามารถรู้ความดันลมยางได้ ดังนั้นโอกาสที่จะใช้ลมอ่อนโดยไม่รู้ตัวจึงแทบไม่เกิดขึ้นเลย
-ช่วยประหยัดน้ำมัน ใช้ลมยางที่เหมาะสมช่วยประหยัดน้ำมันได้ด้วย
-ช่วยป้องกันล้อเสียหาย บางครั้งล้อสวยๆ กับยางแก้มเตี้ย มีโอกาสโดนกระแทกได้ง่ายถ้ายางอ่อน TPMS จะไม่ปล่อยให้ลมอ่อนโดยคุณไม่รู้
-ช่วยให้สะดวกในการวัดลมยาง ในการวัดลมยางโดยปกติแล้ว คุณจะต้องเดินและก้มๆ เงยๆ รอบรถ บางทีก็ลืม นานๆ ครั้งจึงจะวัดที พอวัดแล้วมักพบว่าอ่อนกว่าปกติมากเสียแล้ว ถ้ามี TPMS การวัดลมยางทำได้แค่ปลายนิ้ว กดแล้วมองหน้าจอเท่านั้น
-ช่วยให้การเติมลมสะดวกขึ้น คำแนะนำทั่วไปบอกว่า ควรเติมลมในขณะล้อเย็น หรือยังไม่ได้ขับรถเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากว่าเมื่อล้อร้อนขึ้นความดันก็จะเพิ่มขึ้น เราก็จะไม่รู้ค่าที่แท้จริงคือเท่าไหร่ แต่ถ้ามี TPMS เมื่อขึ้นรถเราจะเห็นค่าความดันลมยางเลย และจะรู้ว่าอ่อนกว่าปกติหรือเปล่า และอ่อนกว่าเท่าไหร่ เช่น เมื่อขึ้นรถหรือขับไปซักนิดอ่านค่าได้ 30 psi อ่อนกว่าปกติ 3 psi ขับไปอีกพักความดันขึ้นมาเป็น 34 psi พอดีเจอปั๊ม ก็สามารถเข้าไปเติมได้เลย โดยเติมเพิ่มขึ้นประมาณ 3 psi ให้เป็น 37 psi ก็นับว่าเป็นความสะดวกเล็กๆ อีกอย่างหนึ่ง
อย่างที่กล่าวมาตลอดว่า TPMS เป็นอุปกรณ์ป้องกันมาตรฐาน สำหรับรถนั่งทุกคันในอเมริกาและยุโรป และในไม่ช้านี้ในญี่ปุ่น เกาหลี ก็น่าจะมีการบังคับใช้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับบ้านเราคงอีกซักพักหนึ่ง เพราะเรื่องความปลอดภัยในบ้านเรา ไม่ว่าในภาคส่วนใดยังตามหลังหลายๆ ประเทศอยู่ การใช้งาน TPMS ในบ้าานเราจึงขึ้นอยู่กับความจำเป็นและมุมมองด้านความปลอดภัยของแต่ละคน...อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่สะดุดใจผู้เขียนอยู่นิดนึง ตรงที่ พบว่ารถยนต์จำนวนมากในบ้านเรา ลงทุนแต่งเรื่องความสวยงาม เรื่องบันเทิง เป็นจำนวนเงินไม่น้อยในแต่ละคัน แต่ไม่ค่อยสนใจเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกันซักเท่าไหร่...
0 ความคิดเห็น: